เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดประชุมอธิการบดี (Presidents Forum) ในหัวข้อเรื่อง “เปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาสในยุคหลังโควิด -19” (Turning Challenges into Opportunities in the Post-COVID-19 World) และยังร่วมมือกับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย เรียนเชิญ ดร.เฉินเจี้ยนเหริน อดีตรองประธานาธิบดีไต้หวัน และนักวิจัยประจำสถาบันวิจัยแห่งชาติไต้หวัน (Academia Sinica) เป็นผู้บรรยายออนไลน์ เรื่อง “สุขภาพโลกและการฉีดวัคซีนโดยถ้วนหน้า: Global Health and Universal Vaccination”
ดร.หลี่หยิงหยวน ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย (สำนักงานฯ) กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นพันธมิตรสำคัญของ "นโยบายมุ่งใต้ใหม่" ในอนาคตจะใช้วิธีแบ่งปันความสำเร็จด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและประสบการณ์อันล้ำค่าในการต่อสู้กับโรคระบาดของไต้หวัน เพื่อกระชับความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวันและไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป
ดร.เฉินเจี้ยนเหริน ในฐานะอดีตอธิบดีกรมควบคุมโรคและผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา ได้แบ่งปันปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไต้หวันประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับโควิด-19 และชี้ให้เห็นว่าวัคซีนคือความหวังที่จะยุติการระบาดนี้ได้
ดร.เฉินเจี้ยนเหริน กล่าวในเชิงบวกว่า การแพร่ระบาดในครั้งนี้ ทำให้เกิดแพลตฟอร์มพัฒนาวัคซีนใหม่ๆ ซึ่งขยายเวลาการรับมือกับเชื้อไวรัสของประเทศต่างๆ ดร.เฉิน เน้นย้ำว่า การต่อสู้กับเชื้อไวรัส ไม่ควรแบ่งแยกชนชาติ ทั่วโลกจะต้องได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสอย่างทั่วถึง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโควิด-19 กับประชาชนอย่างให้ได้มากที่สุด ถึงจะบรรลุเป้าหมายความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่อย่างมีประสิทธิผล
ดร.เฉินเจี้ยนเหริน ทุ่มเทกับกับการวิจัยทางระบาดวิทยาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน และมีความสำคัญต่อการพัฒนาด้านสาธารณสุขและเทคโนโลยีการป้องกันการแพร่ระบาดของไต้หวัน ได้รับรางวัลสำคัญทั้งในและต่างประเทศ โดยมีผลงานวิจัยที่โดดเด่นด้านโรคไข้เท้าดำ (Blackfoot Disease), ภาวะพิษเรื้อรังจากสารหนู (Cheonic Arsenic Poisoning) และไวรัสตับอักเสบ (Viral hepatitis) ซึ่งนานาประเทศต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ในฐานะผู้นับถือนิกายคาทอลิกอย่างเคร่งครัด ดร.เฉินเจี้ยนเหรินยังเคยเข้าพบสมเด็จพระสันตปาปานักบุญจอห์น ปอลที่ 2, สมเด็จพระสันตะปาปากิตติคุณเบเนดิกต์ที่ 16 และสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส และได้รับเกียรติยศ “อัศวินแห่งสุสานศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเล็ม2010 (A Knight of the Equestrian of the Holy Sepulchre of Jerusalem 2010) และ “อัศวินแห่งองค์สันตะปาปาเซนต์เกรกอรีมหาสมณะ 2013 ( A Knight of the Pontifical Equestrian Order of St. Gregory the Great, 2013) เป็นต้น
สวทช. ได้รับมอบหมายจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยในการจัดงานประชุมวิชาการประจำปีสวทช. (NSTDA Annual Conference, NAC) มามากกว่า 15 ปี เพื่อแสดงผลความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างไทยและนานาประเทศ งานประชุมดังกล่าวจึงได้รับความสนใจจากภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมและภาควิชาการเป็นอย่างมาก และมองว่าเป็นวาระสำคัญประจำปี เนื่องจากสำนักงานฯ มีความร่วมมือกับสวทช.อย่างใกล้ชิด เมื่อปี 2562 สถาบันประยุกต์แห่งชาติ (NARLabs) ได้ก่อตั้งสำนักงานย่อยในอุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสำนักงานย่อยแห่งแรกในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแบบทวิภาคีและร่วมกันพัฒนาหัวข้อการวิจัยต่อไป